ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า คอมพิวเตอร์กับมือถือหรือแทบเล็ต มีความสามารถในการใช้งานใกล้เคียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความนิยมในการใช้งานต่างๆ ผ่านทางมือถือหรือแทบเล็ตมากขึ้นทุกๆ ที แต่อาจจะมีบางท่านที่เพิ่งเริ่มใช้งานมือถือหรือแทบเล็ต อาจจจะสงสัยว่า แอพ (App) คืออะไร? แล้วมันเหมือนกับโปรแกรมที่ใช้ในคอมพิวเตอร์หรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบและความแตกต่างนะครับ
แอพ (App) คืออะไร?
จริงๆ แล้ว คำว่าแอพนั้น เป็นคำเรียกย่อๆ ที่มีคำเต็มๆ มาจากคำว่า แอพพลิเคชั่น (Application) ซึ่งความหมายถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ “โปรแกรมประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานบนมือถือหรือแทบเล็ตครับ” โดยแอพนั้น เราจะเห็นได้ในมือถือหรือแทบเล็ตที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Android และ iOS ครับ
แล้ว “แอพ” กับ “โปรแกรม” ต่างกันอย่างไร?
แม้จุดประสงค์ของ แอพ กับ โปรแกรม นั้น จะถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในรูปแบบต่างๆ บนแต่ละอุปกรณ์ แต่แอพและโปรแกรมก็มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้านดังนี้ครับ
1. ในส่วนของการติดตั้ง
ในอดีต เรามักจะคุ้นเคยกับการดาวน์โหลดโปรแกรม โดยอาจจะโหลดผ่านอินเทอร์เน็ตหรือติดตั้งผ่านแผ่นซีดี แต่การติดตั้ง App นั้นสามารถทำได้ง่ายดายกว่านั้นครับ
- หากคุณเป็นผู้ใช้งานมือถืออย่าง iPhone หรือแทบเล็ต iPad คุณสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอพต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านทาง Appstore
- ส่วนผู้ใช้งานมือถือหรือแทบเล็ตที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Android คุณสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอพต่างๆ ผ่านทาง Google Play Store
ซึ่งจะเห็นได้ว่า การดาวน์โหลดและติดตั้งแอพนั้น ก็สามารถทำได้ง่ายดายกว่าเยอะ และหากคุณไม่ชอบใจแอพนั้น คุณก็สามารถถอนการติดตั้งได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองครับ
2. ในส่วนของการใช้งาน
เนื่องจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในมือถือหรือแทบเล็ตนั้นมีความสามารถด้อยกว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้ค เนื่องจากต้องถูกจำกัดด้วยขนาด หรือการประหยัดพลังงาน หากใช้โปรแกรมที่มีความซับซ้อนหรือใช้ทรัพยากรเครื่องสูงอย่างคอมพิวเตอร์ปกติแล้ว อาจจะทำให้มือถือหรือแทบเล็ตนั้นค้าง หรือไม่สามารถทำงานได้เลย หากทำงานได้ก็จะช้ามากหรือใช้แบตเตอรี่มากเกินไปครับ
ทำให้แอพถูกเขียนขึ้นมามีความไม่ซับซ้อนมาก ใช้งานง่าย และตอบสนองความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้งานเฉพาะด้านครับ และแอพจะถูกสร้างมาเฉพาะกับระบบปฎิบัติการบนมือถือหรือแทบเล็ตนั้นๆ เช่น Android หรือ iOS ครับดังนั้น เราจึงไม่สามารถเอาโปรแกรมที่ใช้บนคอมพิวเตอร์มาใช้งานบนแอพได้ครับ และกลับกัน แอพก็ไม่สามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ได้ (เว้นแต่โปรแกรมบางตัวที่่สามารถจำลองระบบปฎิบัติการบนมือถือได้ครับ)
3. ในส่วนของค่าใช้จ่าย
ไม่ว่าจะเป็นทั้งแอพและโปรแกรม ก็จะเหมือนกันในส่วนของค่าใช้จ่าย มีทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน แต่ที่แตกต่างกันในส่่วนนี้ก็คือ ราคาของแอพนั้น ส่วนมากจะมีราคาถูกกว่าโปรแกรมหลายเท่า เนื่องจากแอพถูกสร้างขึ้นมากเพื่อการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนเกินไป การพัฒนาของผู้ผลิตนั้นสามารถทำได้ง่ายกว่า ทำให้ราคานั้นถูกกว่าครับ
4. ในส่วนของการอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่
แอพส่วนใหญ่นั้นเมื่อมีการอัพเดทเวอร์ชั่น จะมีความถี่มากกว่าการอัพเดทโปรแกรม โดยส่วนมากการอัพเดทของแอพนั้นมักจะทำเพื่อปรับปรุงข้อผิดพลาด หรือเพิ่มเติมหรือแก้ไขจากเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ แต่โปรแกรมส่วนใหญ่มักจะเป็นการอัพเดทถี่น้อยกว่า แต่เวอร์ชั่นใหม่จะมีความแตกต่างจากเดิมมาก (บางโปรแกรมอาจจะข้ามไปอีกรุ่นเลยครับ เช่นโปรแกรมจัดการเอกสาร Microsoft Office ที่เปลี่ยนจาก 97 > XP > 2003 > 2010 และที่สำคัญ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วยครับ)
เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะเห็นถึงความหมายและความแตกต่างในด้านการใช้งานของแอพและโปรแกรมแล้วหรือยังครับ หวังว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์สำหรับคุณผู้อ่านนะครับ 🙂
มีอ้างอิงไหมครับ
มันต่างกันยังไงครับ