เหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลล์ (Roswell UFO incident)

วันที่ 8 กรกฎาคมนี้เป็นวันครบรอบ 66 ปีของเหตุการณ์เกี่ยวกับ UFO และมนุษย์ต่างดาวที่ถือได้ว่า เป็นเคสที่โด่งดังที่สุดอันหนึ่งของโลก นั่นก็คือ “รายงานเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลล์” (Roswell UFO incident) วันนี้มานาคอมพิวเตอร์เลยอยากจะขอเอาเรื่องล้ำๆ (ในอดีต)มาเล่าให้ฟังกันนะครับ

เริ่มต้นเหตุการณ์ช็อคโลก

ในวันที่ 8 กรกฎาคม 1947 เรืออากาศโทวอลเตอร์ โฮท ซึ่งเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพอากาศแห่งสหรัฐเมืองรอสเวลล์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า กองทัพได้ครอบครองจานบินลำหนึ่ง ซึ่งตกลงมายังพื้นโลกเมื่อคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 1947 โดยได้ทำการเปิดเผยว่า ฝูงบินทิ้งระเบิดที่ 509 หน่วยที่ 8 ของกองทัพอากาศสหรัฐประจำจุดรอสเวลล์ ได้ยึดครองจานบินลำหนึ่งได้ที่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยความร่วมมือของนายอำเภอที่รอสเวลล์ และเจ้าของฟาร์มแห่งนั้นก็คือแม๊ค บราเซล

แม๊ค บราเซลได้เล่าให้ฟังว่า หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1947 ตนได้เห็นปรากฎการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าในคืนที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง มีฟ้าผ่า ในแสงวูบวาบ เขาเห็นยานทรงกลมสีเทาน้ำเงิน ถูกฟ้าผ่าแตกเป็นเสี่ยง แล้วแฉลบร่อนลงท้ายไร่พร้อมกับเสียงดังสนั่น แต่เนื่องจากความกลัว เขาไม่กล้าออกมาดู

พอถึงตอนเช้าตรู่ของวันที่ 5 กรกฎาคม 1947 จึงได้เดินทางไปดูในจุดที่คาดว่า น่าจะเป็นจุดเกิดเหตุเมื่อคืน เมื่อไปถึงก็ได้พบว่ามีเศษโลหะกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด ดูราวกับมีบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่มาก ตกลงมาจากท้องฟ้า สังเกตุได้ว่า เศษเหล็กหรือเศษโลหะกระจายเป็นอาณาบริเวณกว้างประมาณ 300 ฟุต และยาวราว 3 ไมล์ ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายนั้น มีทั้งเป็นลวด เป็นชิ้นเล็ก ๆ และเป็นแผ่นโลหะเบาและบาง แต่เหนียว ทนทานมาก สามารถพับไปมาได้รายแผ่นกระกาษนอกจากนั้น ยังเศษโลหะคล้ายกระดาษฟอยล์สีตะกั่วกระจายไปทั่ว

ซึ่งตัวแม็คเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันคืออะไร เขาได้หยิบเศษโลหะสามชิ้นไปให้เพื่อนบ้านที่ไกลออกไป10 ไมล์ได้ดู เพื่อนบ้านแนะนำว่าให้ไปหานายอำเภอจอร์จ เอ. วิลค๊อกซ์และเอาเจ้าสิ่งนี้ให้นายอำเภอดูด้วย ตอนแรก นายอำเภอไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก ได้แนะนำให้แม็คโทรศัพท์ติดต่อกองบินทหารอากาศรอสเวลล์และเมื่อแม๊คทำตามไม่นาน กองบินทหารได้ส่งทหารอากาศสองนายและพลเรือนนายหนึ่ง ซึ่งบอกกับแม๊คว่า เป็นสมาชิกหน่วยต่อต้านข่าวกรองของกองทัพนายทหารที่มานั้นต่อมาทราบชื่อว่า นาวาอากาศตรี เจสส์ เอ.มาร์เซล อีกคนหนึ่งคือ นาวาเอกวิลเลี่ยม บลันชาร์ด ซึ่งเป็นผู้บังชาการฝูงบินที่ 509 นั่นเอง

เมื่อแม๊คได้พาทุกคนไปยังจุดที่จานบินตก ทุกคนก็ตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็น นาวาอากาศตรีมาร์เซล ได้กล่าวว่า เศษโลหะและวัตถุดังกล่าว มันประหลาดมาก ส่วนใหญ่จะบางเท่ากระดาษหนังสือพิมพ์แต่เหนียว ทนทานมาก เขาใช้ค้อนทุบ ใช้ไฟเผา หักงอ เพียงครู่เดียวกันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และทุกคนก็ช่วยกันเก็บเศษโลหะดังกล่าวใส่รถจี๊บและลำเลียงไปยังใจกลางเมืองรอสเวลล์

แต่ต่อมา กลับปรากฎว่า กองทัพอากาศสหรัฐและนาวาอากาศตรีเจสส์ มาร์เซล ออกข่าวว่า เศษโลหะดังกล่าวเป็นเพียงเศษซากบอลลูนตรวจอากาศที่ตกลงมาเท่านั้น  และทางพลอากาศจัตวางโรเจอร์ เรมีย์ ได้ปฎิเสธช่าวว่า ไม่มีการลำเลียงเศษซากจานบินออกมาจากพื้นที่แต่ประกาศใด

แต่หลังจากการเปิดเผยของนาวอากาศตรีเจสส์ มาร์เซลเมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า มีการลำเลียงเศษซากจานบินไปทางเครื่องบิน และมีพยานหลายคนที่รู้เห็น เช่น สแตนตัน ฟรีดแมน ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์และนิวเคลียร์ซึ่งพลอากาศจัตวาโรเจอร์ เรมีย์ สั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบ นาวาอากาศตรี เจสส์ มาร์เซล ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่กี่ปีมานี่ว่า ทุกอย่างที่กองทัพอากาศสหรัฐออกแถลงการว่าที่เห็นเป็นเพียงซากบอลลูนนั้น เป็นการสร้างละครลวงตาสื่อมวลชนทั้งสิ้น

โดยมาร์เซลกล่าวว่า ซากกระจัดกระจายมีขนาดใหญ่กว้างมาก ซึ่งมากกว่าที่จะเป็นซากบัลลูนตกหลายเท่า จากการเปิดเผยของนาวาอากาศตรี เจสส์ มาร์เซล ทำให้องค์การต่าง ๆ รวมทั้งนักค้นคว้าจานบิน เห็นสมควรว่า น่าจะมีการรื้อฟื้นสอบสวนเรื่องจานบินตกที่รอสเวลล์ เมื่อปี 1947 ใหม่ เพราะหลายคนเชื่อว่า มีจานบินตกจริงที่ฟาร์มของ แม๊ค บราเซล

ลำดับเหตุการณ์ที่น่าสนใจของเหตุการณ์ที่รอสเวลล์

กรกฎาคม 1947 – มีจานบินปรากฎเหนือน่านฟ้านิวเม็กซิโก มีการติดตามด้วยเรดาร์ที่ศูนย์เรดาร์ในรอสเวลล์ที่ไวท์แซนด์ และอาลาโมกอร์โด จานบินดังกล่าวบินเร็วมาก ซึ่งยืนยันได้ว่า ขณะนั้นไม่มีเครื่องบินต่าง ๆ ในบริเวณนั้นแต่อย่างใด

4 กรกฎาคม 1947 – กลางคืน ประมาณ 4-5 ทุ่มมีฝนฟ้าคะนอง มีพยานหลายคนพบเห็นลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้า ศูนย์เรดาร์สามารถจับวัตถุบินประหลาดได้และร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

5 กรกฏาคม 1947 – แม็ค บราเซลกับลูกชายชื่อวิลเลี่ยม ดี. พร็อคเตอร์ ได้ขี่ม้าออกสำรวจฟาร์มปศุสัตว์ และพบเห็นซากโลหะประหลาดตกลงมาในไร่ กระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง

6-7 กรกฎาคม 1947 – กองทัพอากาศของสหรัฐประจำรอสเวลล์ ก็มาถึงรวมถึงนาวาอากาศตรีเจสส์ มาร์เซลด้วย มีการขึงเชือกกันบริเวณไม่ให้ใครเข้าใกล้ กล่าวกันว่าเพียงสองชั่วโมง ทหารก็เก็บซากโลหะประหลาดออกไปและที่สำคัญ มีพยานเห็นทหารนำศพมนุษย์ประหลาดออกจากซากจานบินตกด้วย และทุกอย่างก็ถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด

8 กรกฎาคม 1947

  • นาวาเอกวิลเลี่ยม บลันชาร์ด เมื่อทราบข่าว ได้สั่งให้วางกำลังรายล้อมคอกปศุสัตว์โดยด่วน
  • แม๊ค บราเซล ถูกสอบหนัก พร้อมทั้งถูกข่มชู่จากนายทหาร
  • บ่าย 2 โมง สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวด่วนว่า กองทัพอากาศสหรัฐพบจานบินตกที่รอสเวลล์
  • ทั่วโลกเริ่มประโคมข่าว
  • นาวาอากาศตรี อี เอ็ม เคอร์ตัน ให้ออกข่าวว่า ซากที่พบเป็นเพียงซากบัลลูนตรวจอากาศ
  • ทั้งพลอากาศจัตวาโรเจอร์ เรมีย์ และ เจสส์ มาร์เซล ออกข่าวและถ่ายภาพกับซากประปลาด และกล่าวว่า ซากดังกล่าวตรวจสอบแล้วเป็นซากบอลลูนตรวจอากาศเท่านั้น
  • แม๊ค บราเซล ยังคงถูกคุมตัวในเมืองรอสเวลล์
  • เกลนน์ เดนนิส สัปเร่อ ในรอสเวลล์ ได้ถูกนายทหารนายหนึ่งโทรศัพท์สอบถามถึงการเตรียม โลงศพขนาดเล็ก และการรักษาศพโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำยาเคมี เกลนน์ เล่าว่าทีแรกนึกว่าบุคคลสำคัญ เสียชีวิต แต่ยังไม่อยากเปิดเผย

9 กรกฎาคม 1947 – พยาบาลนางหนึ่งในโรงพยาบาลกองบิน บอกกับเกลนน์ เดนนิสว่า หล่อนเป็นศพมนุษย์ต่างดาว และเขียนภาพให้เกลนน์ดูด้วย

11 กรกฎาคม 1947 – เกลนน์ เดนนิส โทรศัพท์ไปหาเพื่อนพยาบาลคนเดิมเพื่อซักถามบางประการ ปรากฎว่า ทางโรงพยาบาลบอกว่า เธอย้ายออกจากโรงพยาบาล และไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ใด

15 กรกฎาคม 1947 – แม็ก บราเซลกลับบ้าน

ปลายเดือน กรกฎาคม 1947 –  แม็ค บราเซล เปิดเผยเหตุการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์อย่างเปิดอกและกล่าวว่า ตนถูกกองทัพข่มขู่อยางขมขื่นมาก

กันยายน 1947 – นางพยาบาลเพื่อนของ เกลนน์ เดนนิส ถูกฆ่าตายปริศนาที่กรุงลอนตอน ประเทศอังกฤษ

ปี 1969  – จ่าอากาศเมลวิน อี. บราวน์ เปิดเผยว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยปกปิดความลับที่รอสเวลล์ และยังเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยนำศพมนุษย์ต่างดาวไปยังโรงพยาบาลที่รอสเวลล์

ปี 1978 – เจสส์ มาร์เซลและอีกหลายคนออกมาเปิดเผยความจริงว่า ซากดังกล่าวไม่ใช่บัลลูนแน่นอน

ปี 1980 – ชาร์ลส์ เบอร์ลิตช์ และ ลิลเลี่ยม แอล.มัว ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ The Roswell Incident โด่งดังไปทั่วโลก

ปี 1989 – ศูนย์ค้นคว้าวิจัยจานบิน ของ ดร.เจ อัลเลน ไฮเน็ค ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจบริเวณที่พบซากจานบิน

ปี 1991 – เอวอน บุ๊ค สำเสนอเรื่อง จานบินตกที่รอสเวลล์ เผยแพร่ไปทั่วโลก โดยรวบรวม พยานกว่า 300 คนในสมัยนั้นมาเปิดเผย ทำให้เป็นที่สนใจทั่วโลก

เรื่องลึกลับที่ยิ่งลึกลับยิ่งขึ้น!!

เรื่องราวกลับประหลาดยิ่งขึ้นเมื่อชายคนหนึ่ง ชื่อเกรดีย์ แอล บาร์นีย์ บาร์เนตต์ ได้กล่าวอ้างว่าเขาได้พบซากเศษโลหะของจานบินอีกลำหนึ่ง ขณะนั้นเขากำลังทำงานอยู่ในบริเวณใกล้ที่ราบซานอกุสติน ซึ่งชาวบ้านในแถบนั้น เรียกว่า “ที่ราบไร้วิญญาณ” เป็นที่น่าสังเกตว่า บริเวณดังกล่าวนี้ห่างจากไร่ปศุสัตว์ของแม็ค ประมาณ 120 ไมล์ ไม่เพียงแต่บาร์เนตต์เท่านั้นที่พบเห็นจานบิน บังเอิญนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งขับรถผ่านมาพอดี ซึ่งบาร์เนตก็ลืมถามว่าพวกเขามาจากมหาวิทยาลัยใด สิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาได้เห็นศพมนุษย์ประหลาดนอนตายอยู่รอบ ๆ จานบินด้วย

ต่อมาบาร์เนตต์ได้อธิบายว่า ศพมนุษย์ประหลาดนั้นรูปร่างคล้ายสัตว์ตัวเล็ก แต่มีศีรษะใหญ่คล้ายรูปผลแพร์ แขนและขาผอมมาก และที่น่าสังเกตุก็คือไม่มีขน ศพทั้งหมดสวมชุดคล้ายเกราะเหล็กสีเทา ได้สัดส่วนพอเหมาะ เป็นชุดที่ไม่มีกระดุมและซิป ต่อมาทหารก็มาถึง พวกเขาสั่งให้บาร์เตต์และกลุ่มนักโบราณคดีถอยห่างออกไปจากยานบินลำนั้น และนายทหารที่เป็นหัวหน้าได้กำชับว่ามันเป็นหน้าที่ที่ทหารต้องรับผิดชอบ และห้ามทุกคนนำเรื่องที่พบเห็นไปบอกใครเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะเดือนร้อน ให้ลืมเรื่องดังกล่าวให้หมด บาร์เนตต์จึงจำเป็นต้องปกปิดเรื่องที่พบเห็นเป็นความลับไม่แพร่งพรายให้ใครรู้แม้แต่ภรรยา ญาติมิตร หรือแม้กระทั่งผู้บังคับบัญชา

ในปี 1978 นักค้นคว้าจานบินหลายคนลงความเห็นว่า ซากโลหะประหลาดที่แม็ค บราเซลพบมีความเกี่ยวพันกับยานอวกาศและศพมนุษย์ต่างพิภพที่บาร์เนตต์พบอีกแห่งหนึ่งแน่นอน ซึ่งเขาได้สันนิษฐานว่ายานตกลงมาต่างหาก ส่วนมนุษย์ต่างดาวคงดีดตัวออกมาจากตัวยานก่อนจะลงมาถึงพื้นโลก หรืออาจเสียชีวิตเนื่องจากหนีออกจากห้องที่แยกออกจากตัวยานไม่สำเร็จ และบริเวณที่ยานลำนั้นตกลงมาคงอยู่ใกล้ที่ราบซานอกุสติน สตริงฟิลด์ยังได้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการปิดข่าวเกี่ยวกับศพมนุษย์ต่างดาวอีก นั่นคือ นอร์มา การ์ดเนอร์ ซึ่งเคยทำงานเป็นพนักงานพิมพ์ดีดกับฝ่ายแลกเปลี่ยนเอกสารลับสุดยอดที่กองบินทหารอากาศไรท์ แพตเตอร์สัน หน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายอย่างหนึ่งคือ พิมพ์รายงานชันสูตรศพมนุษย์ต่างดาวรายหนึ่ง นั่นก็แสดงว่ามีการพบศพมนุษย์ต่างดาวจริง แต่ก็น่าคิดว่าเพราะเหตุใดฝ่ายทหารจึงปกปิดเป็นความลับ

การผ่าตัดมนุษย์ต่างดาว!!

ใน ปี 1992 ผู้สร้างภาพยนต์เรย์ ซานติลี อ้างว่าได้ซื้อฟิล์มภาพยนต์ขนาด 16 มิลลิเมตร มีความยาวกว่า 91 นาที(ไม่เปิดเผยถึงราคาที่ซื้อมา) เป็น ฟิล์มภาพยนต์ที่เกี่ยวกับการผ่าตัดซากมนุษย์ต่างดาวหลังเหตุการณ์การตกที่รอสเวลส์โดยซื้อมาจากช่างภาพของกองทัพ(ไม่เปิดเผยชื่อ)ที่ถูก มอบหมายให้ทำการถ่ายภาพยนต์การผ่าศพมนุษย์ต่างดาวที่ Fort Worth, Texas เพื่อทำการถ่ายภาพยนตร์ จนกระทั่งในปี 1995 ภาพยนต์ชุดนี้ได้ถูกนำมาออกแสดง และเครือข่ายทีวีของ FOX นำภาพยนตร์ชุด นี้ออกอากาศในรายการ One-hour special ผลปรากฏว่ามีคนสนใจดูมากจนต้องมีการนำมาออกอากาศซ้ำอีกถึงสี่ครั้งหลังจากนั้นทำให้มีการถ่ายถอดออกไปใน อังกฤษ , เยอรมัน ,ฮอลแลนด์ , บราซิล และอิตาลี

เป็นอย่างไรบ้างครับ สนุกตื่นเต้นกันดีไหมครับ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันได้สักทีว่า “มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่?”

One thought on “เหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลล์ (Roswell UFO incident)

  1. สรุปง่ายๆแบบฟันธงเลยแล้วกันว่า ไม่จำเป็นต้องไปหามนุษย์ให้ไกลที่ไหน มนุษย์ก็เป็นมนุษย์ต่างดาวพันธ์หนึ่งเหมือนกันตอนนี้ยังรู้สึกว่ายังมีรูปรร่างลักษณะเป็นคนธรรมดาในอนาคตมนุษย์มีความรู้มีความก้าวหน้ามากขึ้น ก็แน่นอนอยู่แล้ว ย่อมมีผู้คัดค้านและก็เห็นด้วย แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยังความก้าวหน้าได้ ในการที่มนุษย์จะลองเล่นกับหน่วยพันธุ์กรรมตัวเอง แรกๆก็อาจจะเข้ามาดัดแปลงแก้จีโนมตัวเองเพื่อกำจัดยีนด้อยออกไปแล้วทำให้มันดี แต่ก็อยากที่จะลองเพิ่มอีกในเมื่อความคิดมันก้าวหน้าไปก่อนแล้วหลายสิบก้าว ความอยากรู้ความอยากเห็นว่าสามารถทำได้หรือไม่ได้และผลประโยชน์รวมทั้งความก้าวหน้าชื่อเสียงไม่อาจจะมีสิ่งใดมาห้ามได้ มนุษย์อยากจะวิ่งเร็วกว่านี้ อยากอายุยืนกว่านี้ อยากจะฉลาดกว่านี้ ทำได้หรือไม่ผลก็คือสามารถทำได้ และเมื่อทำได้ ไม่มีอะไรจะมาหยุดความคิดได้ คุณอยากได้รูปร่างรูปลักษณ์แบบไหนละบอกมา แค่เอาเงินมาจ่ายก็พอแล้ว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการทำศัลย์กรรมความงามอันนั้นมันแค่ใช้วัสดุอุปกรณ์เพิ่มเข้าไปเป็นแค่ชั่วคราม แต่การตัดต่อรหัสพันธุ์กรรมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขยีนของมนุษย์เป็นการสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะแบบนั้นขึ้นมาเลยเป็นการถาวรและที่สำคัญยังสามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาได้ สรุปอีกครั้งง่ายที่สุด ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ ไม่เคยพบมนุษย์ต่าง แต่ถ้ารู้จักคิดรู้จักใช้สมองมีมนุษย์ต่างดาวจริงแท้แน่นอนล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเปอร์เซ็น แค่รู้จักคิดก็สามารถหาคำตอบได้เองดดยที่ไม่ต้องไปอ่านหรือไปถามผู้อื่น ลองดูสิว่าในเอกภพมีกาแล็กซี่มากมายแค่ไหน ย้ำไม่ได้บอกว่าดาวนะเอาแค่กาแล็กซี่ จินตนาการไม่ถึงหรอกว่ามันมีเป็นแสนเป็นล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกาแล็กซี่ แล้วจะมีแค่สิ่งมีชีวิตแค่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกแค่นั้นรึ ไม่ต้องอ่านบทความนี้ก็รู้มาตั้งนานแล้วว่ามีมนุษย์ต่างดาวหรือไม ที่ถูกควรจะกล่าวแบบนี้ ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าไม่มีมนุษย์ต่างดาวสิเป็นเรื่องที่แปลก ในเอกภพมีสิ่งมีชีวิตเฉพาะบนโลกใครคิดวะ บอกเลยนะถ้าโง่แค่นี้อย่าได้สะเอือกมาออกความคิดเห็นใดๆ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.