ณ วันนี้ (10 เมษายน 2555) ผมเชื่อว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่จะรู้จักวลีสุดฮิต (ณ วินาทีนีี้) “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” หลายคนอาจจะยังทำท่างง แม้หลายเว็บไซต์จะเอาเรื่องนี้มาพูดถึงกันเยอะแล้ว แต่วันนี้ทางมานาคอมพิวเตอร์จะเอาอีกสักมุมหนึ่งมาเล่าให้ฟังครับ
เรื่องย่อ : ที่มาของคำนี้มาจากตอนท้ายของคลิปวีดีโอนี้ครับ
1. ถ้าคุณได้ดูวีดีโอนี้จนจบ (โดยที่คุณไม่รู้ว่า คำว่า “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึง) คุณคงคิดเหมือนผมว่า “มันไม่เห็นมี_่าอะไรเลย” เพราะเนื้อแท้ของมันเป็นแค่คลิปเด็ก ม.ต้น คนหนึ่ง (คงจะ)ตั้งใจอัดวีดีโอไว้ระบายกับเพื่อนๆ ในชั้นม. 1/9 เรื่องการถูกไล่ออกจากกลุ่ม เพราะลีลาการพูดก็เป็นการพูดแบบเด็กที่คิดไปพูดไปเท่านั้น และผมก็เชื่อว่า ตัวเด็กเองไม่ได้ตั้งใจจะให้มันดังขึ้นมา
2. แต่ประเด็นมันกลับถูกขายในเรื่องของประโยคจบท้ายซะงั้น ซึ่งทำให้คำๆ นี้เป็นคำที่ฮิตมาก คนเอามาเล่นอย่างพร่ำเพรื่อ จนเห็นเกลื่อน Facebook กันเต็มไปหมด ซ้ำร้ายกว่านั้น แม้แต่เว็บไซต์ชื่อดังหลายที่ก็เอาวลีนี้มาเล่นเช่นกัน
3. ล่าสุดก็คือ ได้มีสำนักข่าวได้ไปทำการสัมภาษณ์เรื่องนี้กับครูอังคณาตัวจริง ตามคลิปวีดีโอข้างล่างครับ
1. หลายคนเอาเรื่องนี้มาทับถม,ต่อว่าเด็ก จริงอยู่บางคนอาจจะเถียงว่าเรื่องนี้แค่เป็นการแซวเล่นๆ ผมอยากจะบอกว่า คุณไม่ใช่เด็กคนนั้นนี่ คุณถึงพูดหรือเขียนอย่างนั้นได้ จำเรื่องการล้อชื่อพ่อแม่ได้ไหมครับ ผมไม่เคยเห็นไอ้คนล้อคนไหนมันจะเดือดเนื้อร้อนใจ แต่คนที่รู้สึกแย่น่ะ คือไอ้คนถูกล้อ
2. ถ้าเด็กในคลิปวีดีโอได้รับความกดดันมากๆ จนถึงขั้นคิดสั้นล่ะ ผมขอถามไอ้คนที่ด่าว่าหรือทับถมน้องคนนี้หน่อยเถอะว่า “คุณรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?”
3. ในด้านของสื่อ จรรยาบรรณในการนำเสนอของคุณมีแค่ไหน? เรื่องแค่นี้ กลับเอามาเป็นข่าวได้ แม้จะพยายามเข้าใจว่า ในปัจจุบันนี้มันมีการแข่งขันสูง เรื่องอะไรที่คนกำลังสนใจหรือพูดถึง ใครเข้าถึงต้นตอได้ก่อนก็จะได้พื้นที่ข่าวตรงนั้นไป แม้การหากินกับกระแสจะเป็นเรื่องปกติ แต่การหากินกับเด็ก (ซึ่งผมมองว่าเป็นการทำร้ายเด็กมากกว่า) มันไม่แฟร์ครับ
สุดท้ายเรื่องนี้ก็คงจะซาลงไปเมื่อเวลาผ่านไป เพราะโลกออนไลน์มันคอยแต่จ้องจะหาอะไรที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา แล้วรอยเท้าที่ใครหลายคนได้กระทืบในใจของเด็กคนนี้ล่ะ คุณเคยนึกถึงบ้างไหม?