สรุปข่าวไอทีที่น่าสนใจประจำวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2555 ครับ
Apple รุกตลาดศึกษาส่ง “iBooks 2” พร้อมแอปพลิเคชันการเรียนรู้ครบวงจร
หลังจากที่ประกาศออกมาว่าวันที่ 19 มกราคม แอปเปิลจะจัดงานแถลงข่าวที่ว่าด้วยการศึกษา ซึ่งตอนนี้ถูกเปิดเผยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นคือ iBook 2 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการโต้ตอบการใช้งานกับผู้ใช้ รวมถึงมีการประกาศร่วมมือค่ายหนังสือหลายแห่งเพื่อพัฒนาคอนเทนต์ด้านการศึกษาอย่างจริงจัง และผู้ใช้ยังสามารถสร้างคอนเทนต์ได้เองอีกด้วย
สำหรับงานแถลงข่าวของแอปเปิลในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ Guggenheim Museum ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยการเปิดตัวครั้งนี้แอปเปิลได้โฆษณาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะโฟกัสไปที่การศึกษาล้วนๆ และสิ่งที่แอปเปิลได้เปิดตัวในงานครั้งนี้คือการอัปเกรดขีดความสามารถของแอปพลิเคชัน iBooks กลายเป็น iBooks 2
*** เปิดตัว ibooks 2 ไฉไลกว่าเดิม ***
แอปพลิเคชัน iBooks 2 จะมาพร้อมความสามารถในการรองรับการทำงานทั้งภาพ เสียง วิดีโอ รวมทั้งยังมีความสามารถในการดูโมเดลที่เป็น 3 มิติได้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว textbook ต่างๆ ใน ibooks 2 จะมาพร้อมกับการแสดงผลแบบ interactive ที่สามารถโต้ตอบการใช้งานกับผู้งานใช้ได้ ทำให้การเรียนการสอนมีความน่าสนุกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ภายในงานดังกล่าวแอปเปิลได้ประกาศเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตหนังสือเรียนชื่อดังไม่ว่าจะเป็น McGraw Hill, Pearson และ Houghton Mifflin Harcourt
สำหรับหนังสือเรียนต่างๆ ผู้ใช้งานในประเทศไทยยังไม่สามารถดาวน์โหลดได้(เช่นเคย)
*** พัฒนาคอนเทนต์ด้วย iBooks Author ***
อย่างที่ 2 แอปเปิลได้พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการพัฒนาคอนเทนต์ด้านการศึกษาอย่าง iBooks Author ที่ถูกสรรค์สร้างมาเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เป็นหนังสือไปขายยัง iBooks Store ซึ่งผู้ใช้อุปกรณ์ของแอปเปิลที่เป็น Mac OSX สามารถดาวน์โหลด iBooks Author ได้ฟรีแล้วที่ http://itunes.apple.com/us/app…books-author/id490152466?mt=12
ซึ่ง iBooks Author เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้จะสามารถสร้าง e-book ได้ด้วยตัวเอง และเพิ่มขีดความสามารถของ e-book นั้นด้วยการเพิ่มคอนเทนต์ต่างๆ ให้มีความน่าสนใจขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใส่ ภาพและเสียงลงไปใน e-book ได้ นอกจากนี้แอปพลิเคชัน iBooks Author ยังเป็นแอปพลิเคชันที่รองรับ Java Script และ HTML5 ได้อีกด้วย
*** iTunes U ศูนย์การเรียนรู้ครบวงจร ***
และสิ่งสุดท้ายที่มีการกล่าวภายในงาน คือ iTunes U ซึ่งแต่เดิมเรารู้จักในรูปแบบของการบริการ Podcast ที่ผู้ใข้สามารถเข้าไปโหลดแหล่งความรู้จากใน iTunes U ได้เลย ซึ่งภายในจะมีการแบ่งหมวดประเภทเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการศึกษา นอกจากนี้ iTunes U ยังมีประโยชน์ต่ออาจารย์ผู้สอนเช่นกัน โดยภายในแอปพลิเคชันจะมีคำสั่งสำหรับอาจารย์ที่สามารถสั่งการบ้าน และโน้ตข้อความสั้นๆ ถึงนักเรียนในคลาส ท้ายที่สุดแอปเปิลกล่าวว่าขณะนี้ผู้ดาวน์โหลดคอนเทนต์ทั้งหมดใน iTunes U แล้วไม่ต่ำกว่า 700 ล้านครั้ง
แน่นอนว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านการศึกษาครั้งนี้ของแอปเปิลมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดตัวในวันนี้ต่างสามารถใช้งานได้เลยในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของแอปเปิล ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดของอุปกรณ์ดังอย่าง iPhone และ iPad ให้มีความสามารถที่หลากหลายขึ้น ไม่ได้ถูกจำกัดว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตอบสนองเฉพาะด้านความบันเทิงอีกต่อไป ซึ่งการที่แอปเปิลประกาศเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาคอนเทนต์ย่อมเกิดสิ่งที่น่าสนใจหลังจากนี้ไปว่าแล้วบริษัทที่ทำคอนเทนต์เพื่อการศึกษาเจ้าอื่นๆ จะปรับตัวเพื่อสู้กับแอปเปิลอย่างไร
iConvert เปลี่ยน iPad เป็น “Scanner” !!!
มาติดตามรายงานข่าว Gadget เอาใจสาวก iPad กันดีกว่า สำหรับ Gadget ชิ้นนี้เป็นของบริษัท Brookstone ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเปลี่ยน iPad ของคุณให้กลายเป็น “สแกนเนอร์” (scanner) เพื่อใช้การสแกนเอกสารเข้าไปเก็บใน iPad หรือ iPad 2 ได้…ว้าว!!!
iConvert อุปกรณ์เสริมสำหรับการเปลี่ยน iPad และ iPad 2 ให้กลายเป็น “Scanner” ที่สามารถสแกนเอกสารเป็นหน้าๆ ได้อย่างสบาย โดย iConvert ประกอบด้วยช่องป้อนเอกสาร และด็อคกิ้งสำหรับเชื่อมต่อกับ iPad สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ต่อ iPad เข้ากับ iConvert จากนั้นรันแอพฯ iConvert เพียงแค่นี้ iPad ของคุณก็พร้อมจะทำหน้าที่เป็นสแกนเนอร์ที่สามารถสแกนเอกสาร หรือรูปภาพต่างๆ ได้ทันทีที่แตะปุ่ม “scan” บนหน้าจอ iPad ดังแสดงในคลิปวิดีโอข้างล่างนี้
สำหรับเอกสาร (รวมถึงภาพต่างๆ) ที่สแกนจะถูกจัดเก็บเป็นไฟล์ภาพ JPEG ใน Gallery ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถแชร์ หรือแก้ไขได้ทันที โดยความละเอียดของภาพอยู่ที่ 300 dpi ช่องป้อนกระดาษด้านหน้าสามารถปรับความกว้างได้ตั้งแต่ 2 นิ้วถึง 8.5 นิ้ว ขณะที่ iConvert เริ่มสแกนเอกสาร คุณจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีบนหน้าจอ iPad อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเกียวกับระยะเวลาของแบตเตอรี่ที่ใช้ว่าได้นานแค่ไหน? แต่มันมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ AC ด้วย สนนราคาอยู่ที่ 150 เหรียญฯ (ประมาณ 4,500 บาท) วางตลาดเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้
AV ผงาดดูดกำลังซื้อ ชิงแบรนด์ “First Choice”
เริ่มต้นปี 2555 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้รับการจับตาว่าจะเป็นหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะเติบโตอย่างมาก ส่งผลให้ทุกค่ายพยายามที่จะเปิดสูตรสำเร็จเพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในแต่ละตลาด รวมถึงปั้นแบรนด์ให้กลายเป็น First Choice ในใจผู้บริโภค
*** ไฮเออร์เน้นแบรนด์แตกต่าง ***
ค่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนอย่าง “ไฮเออร์” ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าจับตากับจังหวะการทำตลาดในแต่ละช่วง เนื่องจากกำแพงที่ไฮเออร์ต้องทลายให้สำเร็จคือการทำให้คนไทยเข้าใจแบรนด์ไฮเออร์อย่างลึกซึ้ง
ไฮเออร์จึงวางกลยุทธ์สำหรับการทำตลาดเมืองไทย ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ไม่ใช่การเข้ามาเพื่อแย่งชิงในทันที แต่เป็นการเข้ามารอจังหวะและขยับตัวเองไปตามระยะ
“เราคาดว่าแบรนด์ไฮเออร์ จะติดหูคนไทย และขึ้นเป็น First Choice ได้อย่างแน่นอน”
อู๋ หย่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์
ความสำเร็จของยอดขายในปี 2554 เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่ผ่านมา ไฮเออร์มียอดรายได้รวมประมาณ 1,200 ล้านบาท มียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 30% น่าจะเป็นเครื่องยืนยันว่าไฮเออร์กำลังลงหลักปักฐานในตลาดเมืองไทยได้เป็นอย่างดี
การที่ไฮเออร์ประเทศไทยเปิดตัวตู้เย็น 2 ประตู “แคร์แอนด์คูลซีรี่ส์” เป็นแห่งแรกของโลก ทำให้ยอดขายตู้เย็นไฮเออร์ 2 ประตูมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 109% แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์เป็นที่ยอมรับของตลาดแล้ว
ในปี 2555 ไฮเออร์ทุ่มงบประมาณการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ในการนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด โดยวางป็นกลยุทธ์หลักของไฮเออร์ ซึ่งปีนี้จะมีสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น “แคร์แอนด์คูลซีรี่ส์” แบบ 1 ประตู เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นใหม่ เครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นที่นำเข้ามาจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทยและแบบติดผนัง ที่มีการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาใหม่หมด พร้อมฟังก์ชั่นการทำงานที่ทันสมัย
ในปีนี้ไฮเออร์ยังคงเน้นในเรื่องการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ การจัดกิจกรรมทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ เช่น การจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมด้านการตลาดและสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของไฮเออร์ทั่วโลก เพื่อให้ผู้บริโภครู้จัก ยอมรับ และเลือกใช้สินค้า
*** มิตซูบิชิลงลึกตลาดที่ถนัด ***
หันมาดูที่ค่ายญี่ปุ่นอย่าง “มิตซูบิชิ” มีการขยับแผนการตลาดเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ยิ่งในปีนี้มิตซูบิชิจะมีการฉลองแคมเปญครบรอบ 40 ปีในการดำเนินกิจการในประเทศไทยด้วย
อนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามิตซูบิชิ อีเล็คทริค บอกว่า ปี 2555 มิตซูบิชิเน้นการทำตลาดที่เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม พัดลมระบายอากาศ และปั๊มน้ำ เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินค้าที่มิตซูบิชิมีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดเป็นพิเศษ รวมถึงสินค้าที่มีแนวโน้มตลาดดี เช่น เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ ทั้งมิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ มัลติ สปลิต ระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ ผลิตภัณฑ์เพื่อการแสดงภาพ และผลิตภัณฑ์สำหรับงานโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีสินค้าดีไซน์พิเศษในโอกาสฉลองครบรอบ 40 ปี มาจำหน่ายในจำนวนจำกัด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม “คิริกามิเนะ เซน” ที่มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และทำงานเงียบสนิท ตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค โฟลิโอ ฮิคาริ ซีรี่ส์ สีพิเศษ “คริสตัลบลู” ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น MR-F33D สีพิเศษ “อีลิแกนต์ แชมเปญ” และพัดลมดีไซน์ใหม่ที่สามารถปรับ-พับเก็บได้ พร้อมควบคุมการทำงานด้วยระบบไมคอมเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ด้านสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามิตซูบิชิ ในปี 2554 แบ่งเป็น เครื่องปรับอากาศ 58% ตู้เย็น 21% พัดลมและพัดลมระบายอากาศ 10% ปั๊มน้ำ 9% และอื่นๆ อีก 2% โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้นำตลาด อาทิ เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน มีส่วนแบ่งตลาดถึง 33% อันดับ 1 ในตลาดตู้เย็น 2 ประตู และ 3 ประตู ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 22% ปั๊มน้ำมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 โดยมีส่วนแบ่งสูงถึง 55% พัดลมระบายอากาศครองตลาดเป็นอันดับ 1 คือ 47%
*** พานาโซนิคควบกิจการซันโย ***
ค่ายพานาโซนิคกำลังเสริมความแข็งแกร่งไปอีกขั้นหนึ่งเมื่อสามารถเทกโอเวอร์บริษัทซันโย โดย โยริฮิซะ ชิโอะคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอเชีย แปซิฟิก จำกัด บอกว่า ในปี 2555 พานาโซนิคมีนโยบายมุ่งพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีโคโปรดักส์ (Eco Products) มากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าและเทคโนโลยีของซันโยที่มีการเทกโอเวอร์มาให้มีความแข็งแกร่ง และมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาเพิ่มมากขึ้น
ทางพานาโซนิคคาดว่าการเทกโอเวอร์บริษัทซันโยจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2556 พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2561 จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มสินค้าอีโคโปรดักส์ทั้งด้านยอดขายและจำนวนยูนิต หรือประมาณ 80% ของสินค้าทั้งหมด ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 55%
สำหรับรายได้ในปี 2554 ที่จะปิดยอดไตรมาส 4 ในช่วงเดือนมีนาคม 2555 พานาโซนิคคาดว่าจะสามารถทำรายได้ในกลุ่มพานาโซนิค ซิว เซลส์ และพานาโซนิค เอ พี เซลส์ ประมาณ 22,000 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมพานาโซนิคคาดว่าจะอยู่ที่ 88,000 ล้านบาท และในปี 2556 จะเติบโต 15% หรือคิดเป็น 100,000 ล้านบาท พร้อมทั้งยึดไทยเป็น “ฮับ” การออกแบบผลิตภัณฑ์
*** รุกการตลาดออนไลน์+โปรโมชั่น ***
ศศิธร กู้พัฒนากุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด บอกว่า ซัมซุงตั้งเป้าการเติบโตภายในสิ้นปีนี้ประมาณ 20% ซึ่งที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มมือถือเป็นตัวสร้างรายได้ให้มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 35% ของรายได้รวมบริษัท และมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 100% ส่วนสินค้ารองลงมา ได้แก่ กลุ่มภาพและเสียง
ปีนี้ซัมซุงวางแผนเพิ่มงบการตลาดประมาณ 1 เท่าตัว จากเดิม 10% ของยอดขาย เพิ่มขึ้นเป็น 15-20% โดยจะมุ่งเน้นการทำการตลาดในส่วนของออนไลน์มากขึ้น และอัดโปรโมชั่นในเรื่องการผ่อนชำระเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อาจจะยังไม่พร้อมในการจับจ่าย
“เรามั่นใจว่าในปี 2555 จะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
ZTE เตรียมเผยโฉม Tania – แย้มตัวเลขค่าไลเซนส์ Windows Phone !!!
ZTE ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมด้วยประกาศอย่างเป็นทางการว่าปีหน้าจะมุ่งเป้าไปที่การผลิตสมาร์ทโฟนจากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟนเป็นหลัก แย้มตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ที่ไมโครซอฟท์เรียกเก็บต่อเครื่อง อยู่ที่ 23-30 เหรียญฯ
ZTE ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังจากประเทศจีนเปิดเผยว่ากลยุทธ์หลักในปี 2012 ของบริษัทจะมุ่งเน้นไปยังสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน เป็นหลัก พร้อมกันนี้ ZTE ยังได้เผยเพิ่มเติมอีกว่าบริษัทจะเริ่มผลิตสมาร์ทโฟนระดับไฮ-เอนด์ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในตลาดบนด้วย
ล่าสุด ZTE ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน ตัวแรกนามว่า Tania เปิดตัวครั้งแรกที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ สำหรับสเปกของ Tania จะใช้หน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว รองรับการทัชสกรีน หน่วยประมวลผลที่ใช้เป็น Qualcomm MSM8255 ความเร็ว 1GHz หน่วยความจำสำรอง 512MB หน่วยความจำภายใน 4GB
*** ZTE เผยตัวเลขค่าไลเซนส์ต่อเครื่องวินโดวส์ โฟน ***
นอกจากจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน ตัวแรกแล้วทาง ZTE ยังได้เปิดเผยตัวเลขของค่าไลเซนส์ต่อเครื่องที่ ZTE ต้องจ่ายให้กับไมโครซอฟท์ด้วย
นาย Santiago Sierra ผู้จัดการสาขาในสหราชอาณาจักร ได้เผยว่า ZTE ต้องจ่ายค่าไลเซนส์ให้กับทางไมโครซอฟท์ต่อเครื่องเป็นจำนวนเงิน 23-30 เหรียญฯ (คิดเป็นเงินปอนด์ประมาณ 15-20 ปอนด์) ซึ่ง Sierra ได้กล่าวว่าด้วยเหตุนี้สมาร์ทโฟนของ ZTE จะมีราคาค่างวดที่แพงกว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ทั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่บริโภคได้ทราบถึงตัวเลขของค่าไลเซนส์ที่ผู้ผลิตต้องจ่ายให้กับผู้พัฒนาหลัก ซึ่งในที่นี่คือไมโครซอฟท์ ส่วนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของGoogleนั้นเป็นโอเพ่นซอร์สจึงไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าในจำนวนสมาร์ทสายพันธุ์แอนดรอยด์ที่จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกากว่า 70% ได้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์ ซึ่งเพราะเหตุนี้Googleจึงจำเป็นต้องซื้อกิจการของโมโตโรลาเป็นจำนวนเงิน 1.25 หมื่นล้านเหรียญฯ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิบัตร