วันนี้ผมอยากจะขอเล่าแบบสบายๆ เกี่ยวกับ iPad Mini ที่ผมเพิ่งได้เป็นเจ้าของนะครับ เผื่อว่าใครที่กำลังลังเลหรือตัดสินใจว่าจะซื้อดีหรือไม่ ซึ่งผมหวังว่า ข้อมูลนี้อาจจะช่วยท่านได้ไม่มากก็น้อยครับ
หมายเหตุ บทความนี้จะเป็นการเล่าเรืองแบบสบายๆ นะครับ ผมจะพยายามรีวิวในส่วนของการใช้งานทั่วไป ไม่ได้เจาะจงหรือทำการเปรียบเทียบสเปคกับแทบเล็ตรุ่นไหนครับ
ขอเล่าย้อนไปนิดหนึ่งเกี่ยวกับ ผม ภรรยา และ iPad นะรับ ผมเคยซื้อ iPad 2 ให้กับภรรยาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อช่วงต้นปี โดยภรรยาของผมเป็นเจ้าของ iPad 2 อยู่ประมาณ 17 วัน!! สองสัปดาห์กว่าๆ นั่นแหละครับ เนื่องจากเราลงไปกินข้าวกัน แล้วเอา iPad ไว้ในรถ แค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น กลับมาเราพบว่ารถโดนทุบกระจกในส่วนประตูหลัง โดยคนร้ายกวาดเอาทรัพย์สินในรถไปหมด ทั้ง iPad,โน้ตบุ้ค,มือถือ เรียบหมด จากเหตุการณ์ครั้งนี้ผมและภรรยารู้สึกแย่มาก และคิดว่า คงจะไม่ซื้อ iPad ตัวใหม่แล้ว เพราะมันทั้งใหญ่ หนัก ล่อหูล่อตาโจรเหลือเกิน
พอเริ่มมีข่าวว่า Apple จะทำ iPad ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ผมก็ดีใจมากและภาวนาให้ข่าวลือนี้เป็นจริง เพราะว่าหลายคนเชื่อว่า Apple จะไม่มีทางจะทำ iPad ขนาดนี้ออกมา ซึ่งผมมองว่า หากมันออกมาจริง มันจะต้องขายดีๆ มากๆ เพราะความที่หน้าจอมันใหญ่กว่า iPhone แต่พกพาไปไหนมาไหนได้ และขนาดน้ำหนักที่เบา มันคงจะตรงกับความต้องการของใครหลายๆ คนแน่ (รวมทั้งภรรยาผมด้วย)
จน iPad Mini ได้เปิดตัวขึ้นมาจริงๆ ในวันที่ 23 ตุลาคม 2555 และเริ่มจำหน่ายวันที่ 2 พฤศจิกายนในต่างประเทศ ส่วนในประเทศไทยนั้น วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555 เป็นวันที่ iPad Mini ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยผ่านทางร้านตัวแทนจำหน่าย โดยเริ่มต้นที่ iStudio และร้านในเครือ รวมทั้ง Power Buy ครับ เนื่องจากผมได้มีโอกาสเดินทางมาจังหวัดชลบุรี จึงได้แวะดูที่ iStudio และ Powerbuy ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ศรีราชา ปรากฎว่า iStudio ของหมด ส่วน Powerbuy เหลือตัวสีดำ WiFi ความจุ 16 GB ตัวสุดท้ายแล้ว ผมเลยตัดสินใจซื้อทันที (ส่วนแบบใส่ซิมได้ ณ ขณะนี้ยังไม่มีการวางจำหน่ายครับ)
ราคาของ iPad Mini ณ ตอนนี้
WiFi
- WiFi 16GB ราคา 11,200 บาท
- WiFi 32GB ราคา 14,200 บาท
- WiFi 64GB ราคา 17,200 บาท
4G+WiFi
- 4G+WiFi 16GB ราคา 15,200 บาท
- 4G+WiFi 32GB ราคา 18,200 บาท
- 4G+WiFi 64GB ราคา 21,200 บาท
สัมผัสแรกกับ iPad Mini
iPad Mini เป็นแทบเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ iOS 6.ความรู้สึกแรกที่ผมได้สัมผัส iPad Mini ก็คือ “มันเบามาก” เบากว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยทีเดียว เรียกได้ว่าหากคุณเคยใช้ iPad รุ่นก่อนๆ มานี่ความรู้สึกในการถือคนละเรื่องกันเลยครับ ความรู้สึกต่อมาก็คือ “บาง” และ “สามารถถือได้ด้วยมือข้างเดียว โดยไม่รู้สึกว่ามันหนัก”เมื่อเปิดเครื่องมาพบกับหน้าตาการตั้งค่าเหมือนกัน iPad รุ่นก่อนๆ เพียงแต่ขนาดมันถูกย่อลงมาแค่นั้นเองครับ
อุปกรณ์ที่มีมาในกล่องนั้น นอกจากตัว iPad mini แล้ว ก็จะมีสาย USB ที่มีหัวเป็นพอร์ตรุ่นใหม่อย่าง Lightning ครับ พร้อมปลั้กเสียบที่มีช่อง USB สำหรับชาร์จไฟครับ พร้อมทั้งคู่มือเป็นแผ่นๆ และสติีกเกอร์โลโก้ Apple สองดวง !! มีเท่านี้แหละครับ
อ้อ หากท่านใดที่ยังไม่เคยใช้ iPad หรือ iPhone แนะนำว่า ให้สมัคร Apple ID ไว้ก่อนเลยนะครับ ไม่ต้องกังวลว่าจะสมัครยากครับ สามารถทำได้ด้วยตัวเองในแต่ละขั้นตอนเลยครับ ซึ่งการใช้งานในส่วนต่างๆ สำหรับคนที่ไม่เคยใช้นั้น สามารถทำได้ง่ายดายมากครับ ลองเล่นดูสักพักจะติดใจในความง่ายของมันครับ
ในส่วนของความเร็ว ความลื่นไหลในการใช้งาน ถือว่าอยู่ในขั้นดีเลยทีเดียวครับ หากใครเช็คข้อมูลจะทราบว่า iPad Mini นั้นใช้ชิปประมวลผลเดียวกับ iPad2 อีกทั้งความละเอียดหน้าจอยังเท่ากับ iPad2 ด้วยครับ คือ 1024 x 768 พิกเซลครับ ซึ่งสำหรับผม ผมมองว่า มันใช้งานได้ไม่เร็วและไม่อืดจนเกินไปครับ
จุดเด่นของ iPad Mini
- ความบางและความเบา ด้วยน้ำหนักเพียง กรัม ซึ่งหนักกว่า iPhone 5 แค่ กรัม ทำให้การพกพาสามารถทำได้ง่ายมาก การถือเพื่อใช้งานนานๆ เช่นดูหนัง หรือเล่นเกมส์ ก็ไม่รู้สึกล้าเมื่อถือไว้นาน
- ความคมชัดของหน้าจอ แม้ความละเอียดจะเท่ากับ iPad 2 แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่า และ PPI ที่สูงกว่านิดนึง ทำให้ iPad Mini ที่มีขนาดหน้าจอเล็กดูคมชัดดีครับ
- การดีไซน์ แม้ว่าจะรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิม แต่ด้วยขนาดที่ถูกย่อลงมา ทำให้ดูเหมาะมือกับสาวๆ ที่ต้องการถือไปไหนมาไหนอย่างสะดวกสบายครับ (ส่วนสีไหนสวยกว่ากัน อันนี้อยู่ที่จริตของแต่ละคนนะครับ ผมขอไม่ออกความเห็น ส่วนที่ผมเลือกสีดำ ก็เพราะว่า อันเก่าที่ถูกขโมยไปมันเป็นสีขาวครับ เหตุผลแค่นี้จริงๆ)
- ราคา แม้ว่าจะราคาเริ่มต้นมากกว่า 10,000 บาท และยุคที่แทบเล็ตจากจีนราคาเริ่มต้นที่พันกว่าบาท แต่ก็ถือว่า เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มสนใจจะใช้งานระบบปฎิบัติการอย่าง iOS ครับ (ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินมใจไม่ยากที่จะสอยเจ้าตัวนี้นะครับ
จุดด้อยของ iPad Mini
จุดหนึ่งที่ผมรู้สึกเมื่อได้ลองใช้งานไปสักพักหนึ่งก็คือ ขนาดตัวอักษรและปุ่มต่างๆ เล็กไปสักนิดหนึ่งครับ ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกกดยากสักหน่อย แม้ว่าการใช้งานจริงจะไม่ได้ยากลำบากสักเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกว่า ถ้ามันใหญ่กว่านี้สักนิดจะโอเคมากๆ เลยครับ ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อ iPad Mini ขอแนะนำว่า ลองใช้งานที่ร้านตัวแทนจำหน่ายก่อนนะครับ ลองทดสอบเกี่ยวกับเรื่องขนาดตัวอักษรเลยว่าคุณรับได้หรือไม่ ถ้าบางคนไม่ชอบเพ่ง ผมว่า ก็อาจจะไม่เหมาะกับ iPad Mini ครับ
สรุปว่า หากคุณต้องการแทบเล็ตที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย ใช้ระบบปฎิบัติการ iOS ด้วย iPad Mini เป็นทางเลือกที่ดีให้กับคุณเลยครับ (หากมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ผมจะนำมาลงเพิ่มในภายหลังนะครับ)